สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายจำนวน 18 หน่วยงาน ได้แก่ ศูนย์แบรนด์เคยู คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค 14 มหาวิทยาลัย หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จัดประกาศผลและมอบรางวัล “สุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยประจำปี 2564 รอบภูมิภาค (Thailand INNO BIZ Champion 2021 Regional Round) ภายใต้ “นิลมังกรแคมเปญ” ให้กับ 20 ธุรกิจนวัตกรรมจาก 4 ภูมิภาค
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ NIA กล่าวว่า “NIA มีหน้าที่ในการส่งเสริม สนับสนุน และสร้างความสามารถการแข่งขันของประเทศด้วยการใช้นวัตกรรม ดังนั้นจึงได้ริเริ่มโครงการสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยระดับภูมิภาค ภายใต้ “นิลมังกรแคมเปญ” ขึ้น เพื่อสร้างตัวอย่างการทำธุรกิจนวัตกรรมในภูมิภาคให้คนในพื้นที่ได้เห็นถึงความสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมและได้เรียนรู้กระบวนการสร้างธุรกิจนวัตกรรม ผ่านการสื่อสารในรูปแบบของ Edutainment เพื่อให้เป็นที่น่าสนใจ เข้าถึง และเข้าใจกระบวนการสร้างธุรกิจนวัตกรรมได้ง่ายขึ้น รวมถึงเป็นพื้นที่ที่ให้สตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีในพื้นที่ได้แสดงศักยภาพด้านนวัตกรรมอย่างเต็มที่ โดยหวังว่าหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดในโครงการ ธุรกิจที่ผ่านการคัดเลือกเข้ารอบสุดท้ายซึ่งเป็นตัวแทนของพื้นที่แต่ละจังหวัด จะมีอัตราการเติบโตทางธุรกิจ อย่างน้อย 3 เท่า หรือ ประมาณการมูลค่าเพิ่ม 360 ล้านบาท จาก 12 ทีมสุดท้าย และมีแบรนด์สินค้าและบริการนวัตกรรมเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังจะเป็นตัวแทนในการสร้างแบรนด์ให้กับพื้นที่และจังหวัดให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น”
“สำหรับผลการคัดเลือกโครงการสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยรอบภูมิภาค ได้แก่ ผลงาน “น้ำพริกส็อก by Chef May” จากบริษัท พัทธนันท์ คอนซัลติ้ง จำกัด ผู้ชนะเลิศจากภาคเหนือ ผลงาน “DryDye นวัตกรรมย้อมผ้าไม่ใช่น้ำ” จากบริษัท แซดเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ชนะเลิศจากภาคกลาง ผลงาน “Flamex” นวัตกรรมสเปรย์ดับเพลิง จาก บริษัท นาซ่าไฟร์โปรดัคส์ จำกัด ผู้ชนะเลิศจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และผลงาน “เคยนิคะ” ซอสกะปิสำเร็จรูป จากห้างหุ้นส่วนจำกัด เคยนิคะ ผู้ชนะเลิศจากภาคใต้” ดร.พันธุ์อาจ กล่าว
“น้ำพริกส็อก” ผลงานธุรกิจนวัตกรรมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศของภาคเหนือ โดย เชฟเมย์ - พัทธนันท์ ธงทอง รองแชมป์จากรายการ Top Chef Thailand Season 1 และเจ้าของเหรียญเงินในการแข่งขันเชฟระดับโลกปี 2014 ซึ่งเปิดใจภายหลังได้รับรางวัลว่า รางวัลที่ได้ถือเป็นความภูมิใจและเป็นเสมือนเครื่องการันตีว่าธุรกิจนี้ได้พัฒนามาถูกทางแล้ว และกำลังจะก้าวสูงขึ้นต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งสิ่งที่จะยากขึ้นก็คือ การค้นหานวัตกรรมที่จะนำมาสอดแทรกและทำให้ผลิตภัณฑ์มีจุดเด่นเหนือกว่าคู่แข่ง รางวัลที่ได้นี้จึงเป็นทั้งกำลังใจและแรงผลักดันไปสู่เป้าหมาย ซึ่งก็คือการทำให้อาหารไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
เช่นเดียวกับ คุณอภินันท์ มหาศักดิ์สวัสดิ์ เจ้าของธุรกิจนวัตกรรม “ทรายแมวจากมันสำปะหลัง” แบรนด์ Hide&Seek หนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งของภาคกลาง ที่กล่าวว่า มีความดีใจมากที่ได้มาเข้าร่วมโครงการและได้รับรางวัล ซึ่งรางวัลนี้จะเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาธุรกิจด้วยนวัตกรรมต่อไป โดยทางบริษัทตั้งเป้าที่จะพัฒนาธุรกิจทั้งในไลน์ผลิตภัณฑ์เดิมและคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมขยายฐานลูกค้าออกไปในต่างประเทศ ซึ่งนวัตกรรมในการนำมันสำปะหลังมาผลิตเป็นทรายแมว 100% นี้ นับเป็นผลงานการผลิตโดยฝีมือคนไทยตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ และยังเป็นผู้ผลิตเจ้าแรกในไทย ซึ่งนอกจากจะมีส่วนช่วยในการเพิ่มมูลค่าของมันสำปะหลังแล้ว ยังเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ช่วยลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และมีความปลอดภัยสูงในการใช้งานด้วย โดยทรายแมวจากมันสำปะหลังนี้สามารถใช้ได้กับแมวทุกวัย เก็บกลิ่นได้ดีเยี่ยม มีคุณสมบัติจับตัวไว ไม่เป็นโคลน และสามารถทิ้งลงชักโครกได้
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA ได้กล่าวเสริมถึง โครงการสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทย ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ว่า มีวัตถุประสงค์ในการค้นหา บ่มเพาะธุรกิจ และสร้างแบรนด์ธุรกิจนวัตกรรมของผู้ประกอบการระดับภูมิภาคในประเทศไทย ให้สามารถเติบโตทางธุรกิจ และมีแบรนด์สินค้าหรือบริการนวัตกรรมเป็นที่รู้จักและยอมรับทั้งระดับประเทศและนานาชาติ ซึ่งในปีนี้มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 300 ธุรกิจนวัตกรรมทั่วประเทศ แบ่งเป็นภาคเหนือ 69 ธุรกิจ จาก 10 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 92 ธุรกิจ จาก 7 จังหวัด ภาคกลาง 79 ธุรกิจ จาก 12 จังหวัด และภาคใต้ 55 ธุรกิจ จาก 13 จังหวัด รวม 41 จังหวัดทั่วประเทศ และสามารถจัดกลุ่มธุรกิจได้จำนวน 10 ประเภทธุรกิจ/อุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมบริการ และ อุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์ เป็นต้น โดยมีวิทยากรระดับประเทศมาให้ความรู้ในด้านการวางแผนธุรกิจนวัตกรรม การสร้างแบรนด์สินค้าและบริการนวัตกรรม การสื่อสารและการเล่าเรื่องสินค้าและบริการนวัตกรรมให้น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมจะได้เรียนรู้ และนำเสนอเรื่องราวธุรกิจนวัตกรรมของตนเองต่อกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ที่จะทำการคัดเลือกธุรกิจนวัตกรรมที่มีความพร้อมและมีโอกาสเติบโตทางธุรกิจได้อย่างน้อย 300 เปอร์เซ็นต์ จาก 300 ธุรกิจ สู่ 5 ธุรกิจนวัตกรรมของแต่ละภูมิภาค ที่เปรียบเสมือนเป็น “ม้านิลมังกร” ของแต่ละภูมิภาค ซึ่งในขั้นตอนต่อไปทาง NIA จะทำการคัดเลือกให้เหลือเพียง 12 ธุรกิจที่จะก้าวเข้าสู่รอบต่อไป ในการเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อชิงความเป็นธุรกิจนวัตกรรมรางวัล “นิลมังกร” รายแรกของไทย พร้อมเงินรางวัล 2 ล้านบาท
ติดตามอัพเดตความเคลื่อนไหวได้ที่เฟซบุ๊คเพจ Thailand InnoBiz Champion
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น