วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

CIAME Asia 2025 เปิดฉากยิ่งใหญ่! 3 สมาคมยักษ์ใหญ่จากจีนผนึกกำลังจัดเต็ม โชว์เคสรถแทรกเตอร์และรถตัดอ้อยรุ่นล่าสุด

 


กรุงเทพฯ, 23 กรกฎาคม 2568งานแสดงสินค้าเครื่องจักรกลการเกษตรนานาชาติแห่งเอเชีย หรือ CIAME Asia 2025 เปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ฮอลล์ 8 อิมแพค เมืองทองธานี สร้างความคึกคักให้วงการเกษตรกรรมไทย โดยมีผู้ประกอบการและเกษตรกรจากทั่วประเทศและภูมิภาคอาเซียนหลั่งไหลเข้าร่วมงานมากกว่า 3,000 คนในวันแรก เพื่อสัมผัสสุดยอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตร


ความสำเร็จของงานครั้งนี้เป็นผลจากความร่วมมือของ 3 สมาคมหลักแห่งวงการเครื่องจักรกลการเกษตรจีน ได้แก่

สมาคมผู้จัดจำหน่ายเครื่องจักรกลการเกษตรแห่งประเทศจีน (CAMDA), สมาคมผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรแห่งประเทศจีน (CAMMA), และ สมาคมเครื่องจักรกลการเกษตรแห่งประเทศจีน (CAMA) ที่ร่วมกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งในประเทศไทยอย่างสมาคมวิศวกรรมเกษตรแห่งประเทศไทย (TSAE) ในการสร้างสรรค์เวทีธุรกิจครั้งสำคัญนี้

พิธีเปิดงานได้รับเกียรติจาก คุณภัทราภรณ์ โสเจยยะ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธี ท่ามกลางผู้แสดงสินค้ากว่า 150 บริษัท ที่นำทัพสินค้ากว่า 350 แบรนด์มาจัดแสดง โดยไฮไลท์สำคัญคือการยกทัพเครื่องจักรกลการเกษตรจากแบรนด์ชั้นนำของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดอาเซียน


ไฮไลท์โซนจัดแสดงทัพเครื่องจักรกลจากจีน

ภายในงาน CIAME Asia 2025 ผู้เข้าชมงานต่างให้ความสนใจเป็นพิเศษกับโซนจัดแสดงเครื่องจักรกลการเกษตรจากจีน ซึ่งนำเสนอโซลูชันที่แข็งแกร่ง ทนทาน และคุ้มค่าต่อการลงทุน โดยมีไฮไลท์ที่น่าสนใจดังนี้:

มหกรรมรถแทรกเตอร์: ขนทัพรถแทรกเตอร์หลากหลายขนาดและแรงม้าจากแบรนด์ชั้นนำอย่าง FM World, และ Dongfeng มาให้เกษตรกรได้สัมผัสและเปรียบเทียบประสิทธิภาพ ทั้งรุ่นเล็กสำหรับงานสวนและไร่ขนาดกลาง ไปจนถึงรุ่นใหญ่กำลังสูงสำหรับงานไร่อ้อยและมันสำปะหลัง


โซลูชันเพื่อชาวไร่อ้อย: จัดแสดง รถตัดอ้อย ประสิทธิภาพสูงจาก และแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การทำไร่อ้อยสมัยใหม่โดยเฉพาะ สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว ลดการสูญเสียผลผลิต และแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ


เครื่องจักรดูแลสวนและภูมิทัศน์: นำเสนอ รถตัดหญ้านั่งขับและรถตัดหญ้าอเนกประสงค์หลากหลายรุ่น เหมาะสำหรับดูแลพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น สวนผลไม้ สนามกอล์ฟ และพื้นที่สาธารณะ




วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

เชียงใหม่,18 กรกฎาคม 2568 – บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ผู้นำธุรกิจแปรรูปข้าวโพดหวานและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป ภายใต้แบรนด์ “KC” จัดการประชุม Mid-Year Meeting 2025 ณ สำนักงานใหญ่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสรุปผลงานครึ่งปีแรก พร้อมกำหนดกลยุทธ์ครึ่งปีหลังรับมือความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก โดยมีศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ ประธานกรรมการบริษัท คณะกรรมการ ที่ปรึกษา และผู้บริหารระดับสูงร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า การดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ด้วยการปรับกลยุทธ์ด้านการขาย การลงทุนเครื่องจักรเทคโนโลยีใหม่ และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ SUN สามารถรักษาฐานลูกค้าเดิม ขยายตลาดใหม่ได้ต่อเนื่อง และรักษาระดับรายได้และกำไรในระดับที่น่าพึงพอใจ สำหรับครึ่งปีหลัง SUN ประกาศเดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุก ภายใต้ธีม “ปรับเกม – ลงทุน – ขยายโอกาส” เพื่อรับมือบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเน้นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ อาทิ • โครงการ Mini Factory 2 ขยายกำลังการผลิตสินค้า Ready-to-Eat (RTE) • โครงการ Tetra Pak ยกระดับคุณภาพและภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานด้วยนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ • การจัดตั้ง สำนักงานกรุงเทพฯ เพื่อเสริมประสิทธิภาพธุรกิจในประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถด้านโลจิสติกส์และการส่งออก นอกเหนือจากกลยุทธ์ทางธุรกิจ SUN ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของ “บุคลากรและวัฒนธรรมองค์กร” ด้วยการเสริมสร้างศักยภาพทีมงาน ปรับโครงสร้างให้รองรับการเปลี่ยนแปลง และส่งเสริมการเป็น องค์กรแห่งการเรียนรู้ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความคล่องตัว ความยืดหยุ่น และความเชื่อมั่นจากทุกภาคส่วนภายในองค์กร การประชุมครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขับเคลื่อน SUN สู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน สะท้อนถึงองค์กรที่พร้อม “ปรับ เปลี่ยน และนำหน้า” ในโลกที่ไม่หยุดนิ่ง

เชียงใหม่,18 กรกฎาคม 2568 – บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชนหรือ SUN ผู้นำธุรกิจแปรรูปข้าวโพดหวานและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป ภายใต้แบรนด์ “KC” จัดการประชุม Mid-Year Meeting 2025  สำนักงานใหญ่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสรุปผลงานครึ่งปีแรก พร้อมกำหนดกลยุทธ์ครึ่งปีหลังรับมือความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก โดยมีศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ ประธานกรรมการบริษัท คณะกรรมการ ที่ปรึกษา และผู้บริหารระดับสูงร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า การดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ด้วยการปรับกลยุทธ์ด้านการขาย การลงทุนเครื่องจักรเทคโนโลยีใหม่ และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ SUN สามารถรักษาฐานลูกค้าเดิม ขยายตลาดใหม่ได้ต่อเนื่อง และรักษาระดับรายได้และกำไรในระดับที่น่าพึงพอใจ

สำหรับครึ่งปีหลัง SUN ประกาศเดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุก ภายใต้ธีม “ปรับเกม – ลงทุน – ขยายโอกาส” เพื่อรับมือบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภคโดยเน้นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ อาทิ

 • โครงการ Mini Factory 2 ขยายกำลังการผลิตสินค้า Ready-to-Eat (RTE)

 • โครงการ Tetra Pak ยกระดับคุณภาพและภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานด้วยนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์

 • การจัดตั้ง สำนักงานกรุงเทพฯ เพื่อเสริมประสิทธิภาพธุรกิจในประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถด้านโลจิสติกส์และการส่งออก

นอกเหนือจากกลยุทธ์ทางธุรกิจ SUN ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของ “บุคลากรและวัฒนธรรมองค์กร” ด้วยการเสริมสร้างศักยภาพทีมงาน ปรับโครงสร้างให้รองรับการเปลี่ยนแปลง และส่งเสริมการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความคล่องตัว ความยืดหยุ่น และความเชื่อมั่นจากทุกภาคส่วนภายในองค์กร

การประชุมครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขับเคลื่อน SUN สู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนสะท้อนถึงองค์กรที่พร้อม “ปรับ เปลี่ยน และนำหน้า” ในโลกที่ไม่หยุดนิ่ง

วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

เริ่มแล้ว! AgriSpark Hackathon – Hack the Hills 2025 ร่วมเฟ้นหานวัตกรรมเกษตรลดการเผาชิงรางวัลมูลค่า 20,000 บาทส่งผลงานได้ถึง 31 ก.ค.68

 


โครงการเยอรมันไทยด้านการเกษตร (GETHAC/จีแทคร่วมกับ กรมส่งเสริมการเกษตร (DoAE) เชิญชวนเกษตรกร นักศึกษา นักพัฒนา นักประดิษฐ์ วิศวกรและนวัตกร ร่วมพลิกโฉมการเกษตรของประเทศไทยผ่านการนำเสนอไอเดียหรือนวัตกรรมทางการเกษตร เพื่อช่วยลดปัญหาการเผาบนพื้นที่สูง  

AgriSpark Hackathon – Hack the Hills 2025 คือการแข่งขันแฮคคาธอนด้านนวัตกรรมการเกษตร  เพื่อมุ่งเน้นหาแนวทางในการเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรบนพื้นที่ลาดชัน บนเขาสูงทางภาคเหนือของประเทศไทยเพื่อลดปัญหาการเผาที่ทำลายหน้าดิน ทำให้เกิดอนุภาค PM 2.5 ที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ และส่งผลทำให้สถานการณ์โลกร้อน ภูมิอากาศแปรปรวน ทวีความรุนแรงขึ้น   

งาน AgriSpark Hackathon – Hack the Hills 2025 ในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้ธีม Hack the Hills! โดยมีโจทย์ที่ท้าทาย 2 หัวข้อ ให้ผู้เข้าแข่งขันได้ลองคิดสร้างสรรค์แนวทางแก้ไขปัญหา และพัฒนานวัตกรรม เพื่อร่วมชิงรางวัลชนะเลิศมูลค่า 20,000  ได้แก่

หัวข้อที่ 1 – From Hill to Road นำเสนอโจทย์โดย Enable Earth  

เมื่อการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนพื้นที่สูงยังคงมีอยู่ และการเผาในทุกปีนั้นเกิดจากความพยายามทำลายวัสดุเหลือใช้ที่ถูกมองว่าไม่มีประโยชน์อย่าง ต้น ใบและซัง Enable Earth จึงค้นพบวิธีที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุเหลือใช้เหล่านี้ด้วยการนำไปเผาเป็นถ่านไบโอชาร์ (biochar) เพื่อใช้ประโยชน์ในหลาย  ด้านเมื่อเศษเหล่านี้มีทั้งมูลค่าและคุณค่าที่เพิ่มขึ้น ก็จะทำให้เกษตรกรมีทางเลือกในการจัดการกับวัสดุเหลือใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เหลือจากการเก็บเกี่ยวมากขึ้นประเด็นก็คือ  “เราจะสามารถนำวัสดุเหลือใช้ของข้าวโพดที่อยู่บนพื้นที่ลาดชันลงมาสู่ถนนที่รถสามารถเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าได้อย่างไร โดยที่ต้องไม่ทำลายหน้าดิน” 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://enableearth.eco/#agrispark 

หัวข้อที่ 2 – Burn No More นำเสนอโจทย์โดย German-Thai Agricultural Cooperation (โครงการจีแทค)  

โครงการจีแทคมีการทำโครงการกับพืชหลักหลายชนิดและในหลายพื้นที่ หนึ่งในนั้นคือพืชข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนพื้นที่สูง โดยมีความพยายามในการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชชนิดอื่นที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างกาแฟ ซึ่งการปรับเปลี่ยนในลักษณะจะต้องใช้เวลาที่นาน กว่าจะสามารถปรับเปลี่ยนได้ทั้งหมด ดังนั้น สำหรับในพื้นที่สูงที่ยังมีพื้นที่ปลูกข้าวโพดอยู่นั้น “จะมีวิธีใดบ้างที่สามารถช่วยย่อยหรือจัดการกับวัสดุเหลือใช้บนพื้นที่ลาดชันบนภูเขาหรือพื้นที่ห่างไกลได้โดยตรงในแปลง เพื่อลดปัญหาการเผา” 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.gethac.com/hackathon 

สำหรับผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย Finalists จะได้นำเสนอผลงานแบบ pitching ตัวต่อตัว ทีมต่อทีม ต่อหน้าคณะกรรมการ และผู้ร่วมงานทั้งจากประเทศไทยและหลายภูมิภาคทั่วโลก ในงาน AGRIFUTURE Conference 2025 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 24 กันยายน 2568   True Digital Park กรุงเทพฯ 

ร่วมนำเสนอไอเดีย และส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 กรกฎาคม 2568 ได้ที่https://forms.gle/mRiJ3sAbkoeKpUaM9 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์AgriSpark https://www.agrispark.net    

วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2567

“THAICID” ร่วมกับ กรมชลประทาน เปิดเวที งานสัปดาห์เครือข่าย THAICID-NWIKS 2024


นายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานในพิธีเปิดงานสัปดาห์เครือข่าย THAICID เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างบูรณาการ ประจำปี 2567 (The THAICID Network Week for Integrated Knowledge Sharing 2024 : THAICID-NWIKS 2024) โดยมีคณะผู้บริหารกรมชลประทาน คณะกรรมการสมาคมศิษย์เก่าวิศวกรรมชลประทาน ในพระบรมราชูปถัมภ์ เข้าร่วมงานดังกล่าว หอประชุมชูชาติ กำภู สถาบันพัฒนาการชลประทาน กรมชลประทาน อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี


นายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน ประธานคณะกรรมการด้านการชลประทานและการระบายน้ำแห่งประเทศไทย (THAICID) เปิดเผยว่างานสัปดาห์เครือข่าย THAICID เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างบูรณาการ ประจำปี 2567” ที่ 7 สถาบันพัฒนาการชลประทาน กรมชลประทาน อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เป็นความร่วมมือระหว่าง คณะกรรมการด้านการชลประทานและการระบายน้ำแห่งประเทศไทย (THAICID) กรมชลประทาน สมาคมศิษย์เก่าวิศวกรรมชลประทาน ในพระบรมราชูปถัมภ์ เครือข่ายสถาบันการศึกษา และหน่วยงานราชการและเอกชน โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญในการส่งเสริมเพื่อให้เกิดการค้นคว้าพัฒนาเทคโนโลยีหรืองานวิจัยทางด้านการชลประทานและการระบายน้ำมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มศักยภาพให้สังคมไทยสามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลกและสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในอนาคตโดยหัวใจหลักของงาน คือการเสริมสร้างระบบชลประทานแบบ SMART และมีส่วนร่วมเพื่อรองรับกระแสความไม่แน่นอนของโลกและความแปรปรวนรุนแรงของสภาพอากาศ (The Promotion of Smart and Participatory Irrigation Management for Coping with Global Uncertainty and Extreme Climate Variability) โดยคาดหวังว่า ผลจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จะนำมาซึ่งองค์ความรู้และแนวทางขับเคลื่อนงานชลประทานและการระบายน้ำให้สามารถเพิ่มศักยภาพให้ประเทศไทยให้ใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมที่เหมาะสม มีความเข้มแข็งของการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน นำไปสู่ปรับตัวให้เท่าทันกระแสความไม่แน่นอนของโลกและความแปรปรวนรุนแรงของสภาพอากาศ หมายรวมถึงสังคมความเป็นกลางทางคาร์บอนด้วย

 


สำหรับกิจกรรมภายในงาน THAICID-NWIKS 2024 “มีการประชุมวิชาการระดับชาติ 17th THAICID National Symposium 2024 นำเสนอแนวการเสริมสร้างระบบชลประทานแบบ SMART และมีส่วนร่วมเพื่อรองรับกระแสความไม่แน่นอนของโลกและความแปรปรวนรุนแรงของสภาพอากาศ จากวิทยากรทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งการเสวนาวิชาการภายใต้หัวข้อ AWD Field Talk (Chapter5) เรื่องเล่าจากแปลงนา "ไปต่อ... นาเปียกสลับแห้ง เพิ่มรายได้ ลดโลกร้อน" ซึ่งเป็นการต่อยอดจากการเสวนาวิชาการ Chapter 4 ในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมดงตาล Software Days ภายใต้หัวข้อ"Digital Transformation for Adaptation on Climate change" นำเสนอผลงานความสำเร็จของการนำแบบจำลองทางคณิตศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการน้ำ จากวิทยากรที่มีประสบการณ์การใช้งานโดยตรง พร้อมด้วยการนำเสนอผลงานทางวิชาการ สิ่งประดิษฐ์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในการเพิ่มความแม่นยำในการบริหารจัดการน้ำ อีกหนึ่งสีสันในงานยังสามารถจับจ่ายซื้อสินค้าผลผลิตทางการเกษตรได้อีกด้วย ดังนั้นจะเห็นว่า งาน THICID-NWIKS ล้วนเกิดจากการมีส่วนร่วมจากเครือข่ายที่เข้มแข็งเพื่อมุ่งหวังให้เกิดการพลิกโฉมการชลประทานเพื่อความยั่งยืนในอนาคต





วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ครบ​ 17 ​ปี​ รางวัลประชาบดี​ รางวัลแห่งความดี ที่มอบให้บุคคลช่วยเหลือสังคม

 


ครบ​ 17 ​ปีรางวัลประชาบดีรางวัลแห่งความดี ที่มอบให้บุคคลช่วยเหลือสังคมผู้ด้อยโอกาส​-ผู้อยากไร้มีนักธุรกิจหญิง-อดีตตำรวจนำ้ดีได้รับรางวัลด้วย​ "คุณสายสม" ประธานกรรมการตัดสินให้กำลังใจคนที่ทำความทำดี จิตอาสาจงภูมิใจที่ได้ทำความดีช่วยเหลือผู้คน


         คุณสายสมวงศ์สาสุลักษณ์​  ประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัลประชาบดีเผยว่าปีนี้เป็นที่​17​ของรางวัลอันมีเกียรติและทรงคุณค่าที่คณะกรรมการพิจารณามอบรางวัลให้ผู้ทำคุณประโยชน์ดีเด่นผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากให้กับบุคคลที่ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสและผู้ยากไร้ซึ่งทุกปีจะมีบุคคลจากหลากหลายสาขาอาชีพจากทั่วประเทศได้รับการพิจารณาคัดสรรค์ จากคณะกรรมการพิจารณาและปีนี้ปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่​ 10​ ทรงพระชมน์พรรษาครบ​72 พรรษาในวันที่​28​..67นี้ด้วยจึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันทำความดีถวายพระองค์ท่านและในปีนี้มีผู้ได้รับรางวัลด้านนี้มี 12​ท่านด้วยกันซึ่งในจำนวนนี้มีนักธุรกิจหญิงคุณศุภลักษณ์อัมพุชนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จอย่างมากและมีอดีตนายตำรวจ ที่มีประวัติที่ดีและเป็นที่ยอมรับในวงการตำรวจคือ พล...วุฒิลิปตพัลลภอดีตรองฯผบ.ตร.แห่งชาติที่ช่วยเหลือสังคมและมีผลงานด้านปราบปรามยาเสพติดมากมายในอดีตได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติในครั้งนี้ด้วยซึ่งจะมีการมอบรางวัลในวันที่​ 21​ สิงหาฯนี้โดยรัฐมนตรีวราวุธศิลปอาชารมว.พม.เป็นผู้แทนพระองค์ฯมอบรางวัล​ 



          ผู้ได้รับรางวัลอีก​10​ ท่าน ประกอบด้วย ​1.พระอธิการแสนปราชญ์​ 2.นางกัลยาบางจั่น​ 3.นายชาญชัยศุภวีระกุล.​4.นายธีระวัฒน์พิทักษ์ไพรศรี​ 5.นางประภาศรี​  รัชตะปิติ​ 6.นางพนิดาเนื่องชมภู.7.นางเพ็ญศรีลูกแก้ว,  8.นายสมพงศ์ปานเพชร​ 9.นายสุรชัย​  เดชศิริอุดมและ10.นายสุรัตน์นุ่มอ่อน

วันเสาร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2566

กองทุนหมู่บ้านฯ ฟังทางนี้ ! “อนุชา” ชี้ช่องทางทำเงิน สร้างอาชีพ ให้พี่น้องสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ผ่านโครงการโคล้านครอบครัว

  


นาย อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ชวนพี่น้องสมาชิกกองทุนหมู่บ้านเข้าร่วมโครงการ “โคล้านครอบครัว” ชี้เป็นหนทางช่วยประชาชนหลุดพ้นความยากจน และจะเป็นจุดพลิกผันให้เศรษฐกิจฐานรากฟื้นตัว เน้นย้ำชัดว่าที่ผ่านมาได้มีการทดลอง ศึกษา และค้นคว้า ลงมือทำจริง และมีผลสำเร็จเป็นรูปธรรม จึงพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ โคล้านครอบครัว ผ่านกองทุนหมู่บ้าน ที่ ครม. ได้อนุมัติเห็นชอบดำเนินงานโครงการในวงเงินงบประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่อให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จำนวน 79,610 กองทุน มีกำหนดระยะเวลา 4 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกกองทุนที่เข้าร่วมโครงการฯ สามารถกู้ยืมเงินทุนสำหรับเลี้ยงโค กระบือ แพะ แกะ ครอบครัวไม่เกิน 50,000 บาท  จำนวน 100,000 ครัวเรือน (เลี้ยงโค ครัวเรือนละ 2 ตัว รวม 200,000 ตัว)


เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2566 เวลา 16.00 น. ณ ห้องประชุมวิโรจน์ อิ่มพิทักษ์ อาคารศูนย์เรียนรวม 4 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ได้จัดงานแถลงข่าวโครงการ “โคล้านครอบครัว” เพื่อประกาศความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่พร้อมเดินหน้าทำให้โครงการสู่ความสำเร็จให้เกษตรกรมีรายได้อย่างยั่งยืนมั่นคง โดยมีนักวิชาการมาร่วมเสวนาภายใต้หัวข้อ “ชี้ช่องรวย ด้วยโครงการโคล้านครอบครัว” โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงโค ตั้งแต่ต้น-กลาง-ปลายน้ำ อาทิ รศ.ดร.รังสรรค์ พาลพ่าย สาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพสำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตรมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี อาจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ธนพล หนองบัว รองคณบดีฝ่ายนวัตกรรมวิจัย เเละบริการวิชาการ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ส่งต่อความรู้เรื่องกระบวนการเลี้ยงโคอย่างมีคุณภาพ การเตรียมความพร้อมในการเลี้ยงเพื่อให้สามารถทำกำไรสูงสุด พร้อมกับรับฟังประสบการณ์จากประธานเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จังหวัดนครพนม นายธนูศร ปัญญาสาร และ คุณประสาท บุญญานันท์ เจ้าของบังอรฟาร์ม ประธานกลุ่มวิสาหกิจวากิวโคราช อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ตัวแทนเกษตรกรผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงโค และ เชฟชุมพล แจ้งไพร ผู้แทนฝั่งภาคการค้า ที่มาร่วมชี้ให้เห็นช่องทางตลาดเพื่อให้เกษตรกรสามารถเลี้ยงโคให้ได้มาตรฐาน ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลกได้

"สมาชิกกองทุนหมู่บ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งเป็นกลุ่มคนจำนวนมากของประเทศ และยังเป็นกลุ่มที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจหลักของประเทศ ผมได้เสนอแนวคิด "เงินบาทแรกของแผ่นดิน" ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่เกิดจากน้ำ จากดินที่อยู่ให้ภาคการเกษตร ที่จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าได้ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรรม จากการศึกษา ค้นคว้า และทดลองเป็นระยะเวลานาน พบว่าการทำปศุสัตว์ เช่น การเลี้ยงโค จะเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้เกษตรกรทวีคูณ ผมจึงนำแนวคิดนี้มาทำโครงการช่วยเหลือประชาชน โดยผ่านการดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) ผมค้นพบว่าการเลี้ยงวัวเลี้ยงไม่ยาก วัวกินแต่หญ้า เริ่มแรกสมาชิกจะได้รับการสนับสนุนวัว 2 ตัว เมื่อผ่านระยะเวลา 1 ปี จะได้ผลผลิตเพิ่มเป็น 4 ตัว และปีต่อๆ ไปจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นทวีคูณ จากการสนับสนุนเงินทุนตั้งต้น 50,000 บาทแรก ผมมั่นใจว่าไม่เกิน 3 ปี จะสามารถคืนเงินทุนได้ทั้งหมด และปีต่อๆ ไปถือเป็นกำไรให้พี่น้องประชาชน ภายใน 6 ปี ประชาชนจะสามารถจับเงินล้านได้ไม่ยาก ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นรายได้ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน และเป็นหนทางสู่ความร่ำรวยได้ในอนาคต" นายอนุชากล่าว

ในส่วนของเงื่อนไขสำหรับกองทุนหมู่บ้านฯ ผู้ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการนี้ นายเกียรติศักดิ์ ทองสุระวิโรจน์ รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากองทุนหมู่บ้านและเสริมสร้างศักยภาพชุมชน สทบ. ได้กล่าวว่า ทางกองทุนหมู่บ้านเรายึดหลักการให้พี่น้องกองทุนบริหารจัดการกองทุนได้ภูมิปัญญาของด้วยตนเอง ต้องเป็นกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่มีความพร้อมทุกด้าน กองทุนมีมติเห็นชอบให้เข้าร่วมโครงการ สมาชิกต้องมีความประพฤติดี มีวินัยด้านการเงิน และมีความพร้อม มีความสนใจจะสร้างรายได้ สร้างอาชีพที่เลี้ยงครอบครัวได้จริง ก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้ตามขั้นตอนผ่านกองทุนหมู่บ้านฯ โดยสมาชิกสามารถเลือกสายพันธุ์โคที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ หรือความพร้อมของตน ได้ด้วยตนเอง ทางหน่วยงาน สทบ. และกรรมการกองทุน พร้อมสนับสนุนให้ข้อมูลในการคัดเลือก ไม่ว่าจะเป็น ชนิดสายพันธุ์ น้ำหนัก ที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่


กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่สนใจเข้าร่วมโครงการ โคล้านครอบครัว สามารถเตรียมความพร้อมและสอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ สาขาเขต ทั้ง 13 สาขาเขต ในทุกภูมิภาค และศูนย์ประสานงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองประจำจังหวัด (ทุกจังหวัด)



CIAME Asia 2025 เปิดฉากยิ่งใหญ่! 3 สมาคมยักษ์ใหญ่จากจีนผนึกกำลังจัดเต็ม โชว์เคสรถแทรกเตอร์และรถตัดอ้อยรุ่นล่าสุด

  กรุงเทพฯ , 23 กรกฎาคม 2568 – งานแสดงสินค้าเครื่องจักรกลการเกษตรนานาชาติแห่งเอเชีย หรือ CIAME Asia 2025 เปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้ววัน...